วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Life




อย่าให้ชีวิตมีเพียง I wish
ผลสำรวจของพยาบาลพบว่าคนไข้ที่ใกล้เสียชีวิต จะพูดเหมือนๆกันอยู่ 5 ประโยค I wish that I had let myself be happier. ฉันอยากทำให้ตัวเองมีความสุขมากกว่านี้ I wish I’d had the courage to live a life true to myself, not the life others expected of me. ฉันอยากมีความกล้าพอที่จะมีชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่ใช้ชีวิตตามความคาดหวังของคนอื่น I wish I didn’t work so hard. ฉันอยากที่จะไม่ต้องทำงานมากขนาดนั้น I wish I’d had the courage to express my feelings. ฉันอยากมีความกล้าพอที่จะแสดงออกถึงความรู้สึก I wish I had stayed in touch with my friends. ฉันอยากติดต่อกับเพื่อน คนนั้นมีชีวิตเฉลี่ยแค่สองหมื่นกว่าวัน... ไม่มีใครรู้ว่าจะมีพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน เวลามีเหลือกันเท่าไหร่ จะมีลมหายใจอีกกี่ครั้ง เรายังมีความฝัน ความอยาก ถ้ามีชีวิตแล้วไม่ได้ใช้....คงได้แค่ I wish จิตฝัน โลกความคิด จิตสร้าง
เรื่อง ฟูเฟื่องฝัน แล้วยึดมั่น ผูกพัน ฝันหวั่นไหว พยับแดด รุ้งเรืองรอง มองไกลๆ หวังจะได้ พอเข้าใกล้ กลับไม่จริง Dreaming Mind Mirages seem glorious and real But on close inspection there is nothing there พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส "ในนิกายเซนมีคำกล่าวว่า จุดเริ่มแรกของการเติบโตไปในศาสนมรรคคือ การเชื่อมั่นว่าเราทุกคนล้วนมี หรือครอบครองศักยภาพแห่งการเป็นพุทธะ หรือบุคคลที่พร้อมตื่นจากอวิชชาอยู่ในตัว ความเชื่อมั่นเช่นนั้นสำคัญยิ่งกว่าการรู้คำสอนมากมายเสียอีก ถ้าเราเชื่อว่าเรามีธรรมชาติที่บริสุทธิ์งดงาม ความผิดพลาดทั้งหลายล้วนเริ่มต้นใหม่ได้ สิ่งปฏิกูลเกาะเกี่ยวล้วนถูกชำระทิ้งได้ บทเรียนเช่นนี้ถูกสอนผ่านในเวลาอันสั้นให้ผมได้ประจักษ์..." อนุสรณ์ ติปยานนท์ มีดประจำตัว ใน
อดีตผมจะแบกมีดชุดหนึ่งกลับบ้านในยามค่ำ เป็นกฎเกณฑ์สำคัญข้อหนึ่งของการเป็นพ่อครัว เราไม่ใช้มีดของใครถ้าไม่จำเป็น และเราก็ไม่ยอมให้ใครใช้มีดของเราถ้าไม่จำเป็นเช่นกัน มีดเป็นสิ่งของประจำตัว และสำหรับคนที่ต้องประกอบอาหารเป็นอาจิณ มีดเป็นยิ่งกว่าคนรัก ความคมของมันซื่อสัตย์ต่อเราทุกครั้งในยามที่พึ่งพา และแม้อาจมีบางครั้งที่เราอาจเผลอไผลถูกมันบาดแทง รอยแผลที่เกิดจากมันก็ลบเลือนได้เร็ว ไม่รั้งอยู่นานเหมือนแผลที่เกิดจากคนรักและความรัก ในอดีตตอนนั้น ผมอาศัยอยู่แถบห้องเช่าย่านอีสต์ลอนดอน ที่อุดมไปด้วยคนตะวันออกกลางหลากประเทศ ว่าไปแล้วมันก็เป็นถิ่นที่ไม่น่าอยู่อย่างยิ่งในเมืองใหญ่แห่งนั้น แต่ด้วยค่าเช่าที่แสนถูก และการเดินทางที่สะดวกง่ายดาย ทำให้ผมปฏิเสธมันได้ยาก ประชากรหลายคนในแถบนั้น คงรู้สึกหวาดหวั่นที่ต้องเดินทางกลับบ้านในยามดึก โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวปล้นจี้อยู่เนืองๆ บนชั้นสองของรถประจำทางเที่ยวกลางคืน แต่ผมไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นเลย
โดยเฉพาะยามที่ผมแบกกระเป๋ามีดที่ข้างในบรรจุมีดคู่ใจสามเล่มอันได้แก่ มีดทำครัว (cooking knife) มีดแล่ (fillet knife) และมีดปอก (pairing knife) หลังทำความสะอาดครัวแล้ว มีดทั้งสามจะถูกผมลับอย่างคมกริบ และถูกเก็บอย่างทะนุถนอมลงในกระเป๋า หลายครั้งความรู้สึกของการแบกมีดติดตัวไปอย่างเดียวดายในเมืองใหญ่ อดทำให้ผมนึกถึงตัวละครในนวนิยายกำลังภายในเรื่องหนึ่งของโกวเล้งไม่ได้ คนคนหนึ่งแบกหีบบรรจุอาวุธที่น่ากลัวชนิดหนึ่ง เดินเข้าสู่นครเชี่ยงอันอย่างเงียบงัน มันเป็นความรู้สึกที่โดดเดี่ยวของคนที่ไร้ราก แต่ก็มีความมั่นใจอันแปลกประหลาดแฝงเร้นอยู่ ถึงแม้ปัจจุบันนี้สิ่งที่ผมนำพาติดตัวจะเปลี่ยนจากมีดมาเป็นปากกา ผมก็ยังจำความรู้สึกเช่นนั้นได้ ความรู้สึกของการเริ่มต้นเก็บออมเงิน เพื่อซื้อมีดชั้นดีหนึ่งเล่ม ความรู้สึกของการฝนคมมีดกับหินลับในยามค่ำ ความรู้สึกที่มีต่อเนื้อมีดเมื่อ
มันแทรกผ่านเข้าไปในเนื้อสัตว์ที่จับต้อง มันเป็นความรู้สึกของการเชื่อมั่นในบางสิ่งที่อยู่นอกตัวเรา แต่ใช้การได้จริง เป็นความรู้สึกที่ไม่มีความกังขา ไม่มีความลังเลสงสัยใดเลย เมื่อเช้าสองวันที่ผ่านมา ผมลุกจากโต๊ะเขียนหนังสือที่บ้านพักในโรงพยาบาลเกาะยาวของ น.พ.มารุต สลักเพชร (หมอหนุ่มที่ไม่ยอมเปิดคลินิกนอกเวลาเพื่อรักษาคนไข้ แต่พึงใจเปิดคลินิกส่วนตัว เพื่อรักษาจินตนาการในงานเขียนในชื่อ นกปักษนาวิน) เพื่อหาของมีคมบางอย่างเปิดซองจดหมาย ผมพบมีดทำครัวเล่มหนึ่งถูกทิ้งให้สนิมเกาะอยู่ในครัว มันแลดูหมดสภาพความคมมานานนับศตวรรษ อาจเป็นมีดของใครบางคนที่ถูกทอดทิ้งจนลืม ผมหยิบมันขึ้นดูและตัดสินใจฝนมันกับหินลับว่า มันจะกลับสู่คุณสมบัติเดิมได้หรือ ไม่ช้านานมีดเล่มนั้นเริ่มอวดความคมของมัน ผมออกไปที่ตลาดสด ซื้อปลาทะเลมาหนึ่งตัว และอีกหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นทั้งผมและหมอมารุต เราก็ได้รับประทานเนื้อปลาที่สดหวานพร้อมกัน ด้วยมีดที่ผมเชื่อมั่นว่ามันต้องยังคงแฝงคุณลักษณ์แห่งความเฉียบคมอยู่เหมือนมีดประจำตัวในอดีตของผม ในนิกายเซนมีคำกล่าวว่า จุดเริ่มแรกของการเติบโตไป ในศาสนมรรคคือ การเชื่อมั่นว่า.. เราทุกคนล้วนมีหรือครอบครองศักยภาพแห่งการเป็นพุทธะ หรือบุคคลที่ พร้อมตื่นจากอวิชชาอยู่ในตัว ความเชื่อมั่นเช่นนั้นสำคัญยิ่งกว่าการรู้คำสอนมากมายเสียอีก ถ้าเราเชื่อว่าเรามีธรรมชาติที่บริสุทธิ์งดงาม ความผิดพลาดทั้งหลายล้วนเริ่มต้นใหม่ได้ สิ่งปฏิกูลเกาะเกี่ยว ล้วนถูกชำระทิ้งได้ บทเรียนเช่นนี้ถูกสอนผ่านในเวลาอันสั้นให้ผมได้ประจักษ์ และแน่ล่ะมันเป็นบทเรียนที่ยากจะลืม.. ในชีวิตหนึ่งของเรา ที่หาความเชื่อมั่นได้น้อยเต็มที





ไม่มีความคิดเห็น: